Gold Field Refinery <
ข่าวเศรษฐกิจและการลงทุน

      ปัจจัยสำคัญ ที่น่าติดตามประจำวันที่ 20/11/60

ปัจจัยสำคัญ ที่น่าติดตามประจำวันที่ 20/11/60



- เงินเยนอยู่ที่ 112 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (17 พ.ย.) ที่อยู่ที่ระดับ 112.53 เยน/ดอลลาร์



- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1743 ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (17 พ.ย.) ที่อยู่ที่ระดับ 1.1796 ดอลลาร์/ยูโร



- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8570 บาท/
ดอลลาร์

 

- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/60 และแนวโน้มปี 60-61 เช้านี้

 


- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (20-24 พ.ย.) ที่ 32.70-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องติดตามตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/2560 ของไทย รวมถึงบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย.

 

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุจากเงินบาทแข็งค่าทะลุระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 30 เดือน ทั้งนี้ สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นภาพที่สอดคล้องกับกระแสการแข็งค่าของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย เพราะมีสาเหตุหลักร่วมกันจากทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์ ซึ่งในช่วงนี้ขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

 


- "สมคิด" ย้ำเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องพร้อมผลักดันโครงการรัฐเดินหน้าเต็มสูบด้าน "หอการค้าไทย" คาดเศรษฐกิจปี 61 โต 4.2% ลงทุนรัฐ-เอกชน-อีอีซี-ส่งออก-การเมืองนิ่ง-ท่องเที่ยวพุ่งหนุน จับตานโยบายสหรัฐฯ



- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 13.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.29 ล้านยูนิต เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเริ่มสร้างบ้านในเขตมิดเวสท์และรัฐทางใต้ที่เริ่มจะฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคน ในขณะที่ความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้สร้างบ้านยังคงแข็งแกร่งมาโดยตลอด ด้วยแรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยการจำนองที่อยู่ในระดับต่ำ

 


- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างใกล้ชิด หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป

 


- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ย.) ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันรวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการสืบสวนทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรณีที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559

 


- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส คาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เนื่องจากอัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลง



- รัฐมนตรีคลังสหรัฐ คาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาและเชื่อว่าจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส



- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมยื่นข้อเสนอเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดการประชุมรอบหน้าวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้



- นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงดังกล่าว เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้



- นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้




ขอบคุณเครดิตข่าวจาก  RYT9



 
Privacy Policy
Cookies Policy
บริษัท โกลด์ ฟิลด์ รีไฟเนอรี จำกัด 14 ซอยสุขาภิบาล2 ซอย31 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250 โทร. 0-2035-3888 แฟกซ์ 0-2035-3898