ตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจที่เฟดใช้ประเมินว่าจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่มีอะไรบ้าง วันนี้นักลงทุนจะได้ทราบเพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับการประชุมที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้

1.ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) หมายถึง มูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศ เป็นการบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ  เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญและเป็นตัวที่ใช้วัดความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจอย่างกว้างๆ  ถ้า GDP เพิ่มขึ้น แสดงว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนั้นมีทิศทางที่ดีขึ้น ดึงดูดเม็ดเงินของนักลงทุนเข้ามาเพิ่ม แต่ต้องระวังเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปเพราะจะทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม หาก GDP ลดลง แสดงว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนั้นมีทิศทางที่แย่ลง บ่งบอกถึงเศรษฐกิจของประเทศหยุดชะงัก ชะลอตัวลง (ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวแบบชะลอตัว)

2.อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) คือ ภาวะที่ระดับราคาของสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ทำให้อำนาจในการใช้จ่ายของประชาชนลดลง กล่าวง่ายๆ คือ เงินจำนวนเท่าเดิมแต่ซื้อสินค้าและบริการได้ปริมาณที่น้อยลง หาก เงินเฟ้อสูงเกินไปจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ การเกิดเงินเฟ้อในระดับที่พอดีนั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว เมื่อเศรษฐกิจเจริญเติบโต การลงทุน การจ้างงานก็จะมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น          การจับจ่ายใช้สอยก็จะมากขึ้น แต่ต้องระวังไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงจนเกินไป เพราะจะทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นเมื่อสินค้าแพงขึ้นประชากรก็จะระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งเฟดมองว่า 2% เป็นจุดที่เหมาะสมของเศรษฐกิจสหรัฐ ปัจจุบันเงินเฟ้อเฉลี่ยของสหรัฐฯเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% แล้ว

3.ตลาดแรงงาน เป็นตัวชี้วัดหลักที่เฟดใช้ดูความแข็งแกร่งของสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งหากประเทศไหนมีการ    จ้างงานเยอะแสดงว่าภาคธุรกิจประเทศนั้นกำลังปรับตัวดีขึ้น การจ้างงานเลยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งเราสามารถดูสภาวะตลาดแรงงานได้จาก ตัวเลขการจ้างงานนอกภาค   เกตรกรรม (Non-Farm Payrolls) เป็นตัวบ่งชี้พื้นฐานในการวัดการจ้างเเรงงาน
-อัตราว่างงาน (Unemployment rate) ตัวเลขนี้เป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้ว่างงาน สามารถบ่งบอกสภาพเศรษฐกิจโดยรวมว่าเป็นไปในทิศทางที่กำลังขยายตัวหรือหดตัว โดยเป้าหมายอัตราว่างงานของ เฟดอยู่ที่ 6.5%
-ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Unemployment Claims)  ตัวเลขนี้ใช้วัดจำนวนคนว่างงานที่เรียกร้องสิทธิประโยชน์ของการประกันการว่างงาน การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของจำนวนผู้ว่างงาน สามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มเศรษฐกิจว่ามีการขยายตัวไปในทิศทางใด

ปัจจุบัน เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25 – 1.50% จากข้อมูลล่าสุดของ CME Group ให้ความน่าจะเป็นที่เฟด       จะปรับขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่ 86% มีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งเเรกของปีนี้                 ในการประชุมวันที่ 20-21 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพราะปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่กล่าวมาในช่วง 3 เดือน           ที่ผ่านเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่เฟดวางไว้นั่นเอง

ที่มา: tradingecononics.com