Gold Field Refinery <
ข่าวเศรษฐกิจและการลงทุน

      ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 75.05 จุด วิตกข่าวทรัมป์ล้มซัมมิตคิมจองอึน,สหรัฐจ่อขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,811.76 จุด ลดลง 75.05 จุด หรือ -0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,727.76 จุด ลดลง 5.53 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,424.43 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.02% นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์ ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายคิมและได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า "เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ล่าสุดของท่านซึ่งได้แสดงความโกรธ และความมุ่งร้ายอย่างเปิดเผย ผมรู้สึกว่ายังไม่เป็นการเหมาะสมในขณะนี้ที่จะมีการจัดการประชุมดังกล่าวที่มีการวางแผนมาอย่างยาวนาน" การตัดสินใจยกเลิกการประชุมในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากนางโช โซนฮุย รมช.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า คำกล่าวของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งได้เปรียบเทียบเกาหลีเหนือว่าเหมือนกับลิเบียนั้น ถือเป็นคำพูดที่โฉดเขลา และโง่เง่า โดยก่อนหน้านี้ นายเพนซ์ได้กล่าวว่า เกาหลีเหนือจะพบกับจุดจบเหมือนกับลิเบีย หากไม่ยอมทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับผลกระทบจากรายงานข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ทำการตรวจสอบว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25% ทั้งนี้ คาดว่าการตรวจสอบดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นมาตราเดียวกับที่สหรัฐใช้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อไม่นานมานี้ หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 2.3% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.6% หุ้นมาราธอน ออยล์ ปรับตัวลง 0.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.8% และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.1% หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "Victoria's Secret" ร่วงลง 3.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 หุ้นฮอร์เมล ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อาหารชื่อดังอย่าง "Skippy", "Spam" และ "Natural Choice" ปรับตัวลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กเช่นกัน โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 2.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.46 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.2% ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 220,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 6,250 ราย สู่ระดับ 219,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ขอบคุณข้อมูลจากryt9



 
Privacy Policy
Cookies Policy
บริษัท โกลด์ ฟิลด์ รีไฟเนอรี จำกัด 14 ซอยสุขาภิบาล2 ซอย31 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250 โทร. 0-2035-3888 แฟกซ์ 0-2035-3898